สรุปข่าวเด่นประเด็นร้อนในวันนี้

รายงานข่าวด่วน ประจำวันที่ 18 November 2025 : 12:59 PM by VWANDER Services

แอมเนสตี้ พาเหยื่อสลายชุมนุม ราษฎรหยุด APEC 2022 ร้อง ยุติธรรม ชี้ 3 ปีไม่มีความคืบหน้า

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย นำโดย น.ส.เพชรรัตน์ ศักดิ์ศิริเวทย์กุล ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย นายเฝาซี ล่าเต๊ะ เจ้าหน้าที่รณรงค์เชิงนโยบาย แอมเนสตี้ ประเทศไทย พร้อมด้วย นายพายุ บุญโสภณ นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน ผู้บาดเจ็บจากกระสุนยาง ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือและส่งข้อเรียกร้องให้มีการสอบสวนเหตุการณ์สลายการชุมนุมอย่างอิสระ โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเยียวยาผู้เสียหายตามหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยมี น.ส.ดวงดาว เกียรติพิศาลสกุล รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้รับเรื่อง

นายพายุ เปิดเผยว่า กรณีมายื่นเรื่องคำร้องขอรับการช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรมในวันนี้ เป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 พ.ย.65 ซึ่งวันนั้นเป็นกรณีที่กลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 ได้รวมตัวชุมนุมประท้วงโดยสงบเพื่อสะท้อนข้อกังวลต่อผลกระทบจากนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy) โดยที่ครั้งนั้นเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และมีเป้าหมายแค่ต้องการสื่อสารกับผู้นำในประเทศถึงผลกระทบนโยบายที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนทำลายสิ่งแวดล้อมทรัพยากรในประเทศไทย ตนจำได้ว่าเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเดินเมื่อถึงถนนดินสอ เจ้าหน้าที่ คฝ. กลับปิดกั้นเส้นทางและใช้กำลังสลายการชุมนุมโดยไม่แจ้งเตือน มีการผลักผู้ชุมนุม ทำร้ายร่างกาย และยิงกระสุนยางเข้าใส่ฝูงชนโดยไม่เลือกเป้าหมาย ตนถูกกระสุนยางยิงเบ้าตาขวา สูญเสียดวงตาถาวร และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าสื่อมวลชนและประชาชน

ซึ่งตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบ กระบวนการสอบสวนล่าช้า ไม่มีความคืบหน้า ไม่โปร่งใส และตนกับผู้ร่วมชุมนุมยังถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมอย่างสงบอีกด้วย ตนมองว่าการสลายการชุมนุมเช่นนี้มันคือความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชน และสะท้อนถึงวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดของเจ้าหน้าที่รัฐและสะท้อนถึงความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมในไทย ดังนั้น การที่รัฐยังคงเพิกเฉยแบบนี้ มันก็คือการปล่อยให้เกิดความรุนแรงต่อประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้สูญเสียจากการชุมนุมอย่างสงบในไทย

นายพายุ เปิดเผยอีกว่า หลังเกิดเหตุการณ์ได้ 4 เดือน ตนได้ยื่นร้องเรียนต่อศาลปกครอง และหน่วยงานต่าง ๆ ทุกระบบ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาช่วยเหลือแต่อย่างใด ไม่มีการแจ้งอะไรกลับมา และยังไม่ได้มีการร้องขอพยานหลักฐาน เอกสาร พยานวัตถุใดเช่นกัน ซึ่งตนมองว่ากระบวนการยุติธรรมค่อนข้างล่าช้าเมื่อเทียบกับการที่ผู้ชุมนุมถูกดำเนินคดีกันก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ตนไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เลือกที่จะไปร้องเรียนต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลพิจารณาคดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ดังนั้น หากศาลมีแนวทางคำพิจารณาอย่างไร เราจะดำเนินการในส่วนของศาลอาญา หรือศาลแพ่งต่อไป

นายเฝาซี กล่าวว่า กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย.65 มีทั้งหมด 30 ราย และมีเกือบ 20 รายที่ได้ร่วมยื่นคำร้องกับศาลปกครองพร้อมนายพายุ บุญโสภณ

น.ส.เพชรรัตน์ กล่าวว่า ในกรณีของนายพายุ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวเชิงโครงสร้างที่หน่วยงานรัฐทุกระดับต้องเร่งแก้ไขอย่างเป็นระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในสังกัด และการใช้กำลังควบคุมฝูงชนที่เกินความจำเป็น ขณะที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มีหน้าที่ตามกฎหมายในการพิจารณาว่าเหตุการณ์นี้เข้าข่ายการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีหรือไม่ รวมถึงต้องรับรองสถานะผู้เสียหายและกำหนดมาตรการเยียวยาที่เหมาะสม

น.ส.ดวงดาว กล่าวว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด เราจะนำเรื่องเข้าสู่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งในเรื่องของการฝึกอบรมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทางกรมฯ ได้ฝึกอบรมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่รัฐว่าตำรวจต้องควบคุมสถานการณ์ด้วยความเรียบร้อย และตนให้ความมั่นใจว่าเราจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎระเบียบขั้นตอนที่มี ทั้งนี้ เนื่องด้วยเป็นกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ย.65 โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 จะมีการบังคับใช้ จึงอาจเข้าข่ายได้รับการพิจารณาผ่าน พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559) แทน

ดังนั้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะเป็นความรับผิดชอบดำเนินการของอนุกรรมการพิจารณาฯ ซึ่งจะต้องใช้เอกสารหลักฐานต่าง ๆ จากผู้ร้องไปเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา ซึ่งกรมฯ สามารถรับเรื่องของผู้เสียหายได้ทั้งหมด โดยสามารถช่วยติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีได้ แต่มิอาจก้าวล่วงผลการพิจารณาต่าง ๆ ในชั้นศาล แต่เรายินดีช่วยดูแลเรื่องคดีความ และกรมฯ ยินดีช่วยเหลือทุกเคส ไม่แบ่งแยกว่าผู้เสียหายโดนกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เพราะเรามีกฎหมายช่วยเหลือเรื่องการเงิน และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และมาตรการป้องกันและปราบปราม ครบถ้วน

ที่มาข่าว : มติชนออนไลน์ ข่าวทันเหตุการณ์ สรุปข่าวทุกชั่วโมง ไม่มีวันหยุด

สรุปข่าวร้อนทุกชั่วโมง Hot News Delivery

ยืนยันว่าผ่าน ‘จุดพีค’ มาแล้ว สำหรับ ‘น้ำหนุน’ ที่พุ่งสูงสุดตั้งแต่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 

วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยข้อมูลขณะแถลงข่าวเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำเหนือหลาก น้ำทะเลหนุนสูง และฝนตก ณ ท่าเรือสะพานพุทธเขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่า สถานการณ์น้ำหนุนในช่วงนี้จะไม่เลวร้ายเท่าวันดังกล่าว นับจากนี้ น้ำหนุนจะต่ำลง แล้วจะรีเทิร์นกลับมาอีกครั้งในวันที่ 7-8 ธันวาคม โดยจะพุ่งขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม ‘แต่ไม่เยอะมาก’ 

ส่วน ‘น้ำเหนือ’ คาดการณ์ว่าเมื่อถึงเดือนธันวาคม จะบรรเทาลง 

ปากคลองโอ่งอ่าง สะพานพุทธ เขตพระนคร คือหนึ่งใน 2 จุดขนถ่ายมูลฝอยและวัชพืช โดยอีกหนึ่งจุดคือบริเวณคลังสินค้ากระทรวงพาณิชย์เขตราษฎร์บูรณะ

ย้ำอีกรอบว่า ‘ไม่ซ้ำรอยปี’54’ 

“น้ำที่เข้ามามีน้ำฝน น้ำหนุน น้ำเหนือ กรุงเทพฯมีแนวเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีระดับน้ำ 3 ตัว คือ ฐานน้ำที่สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ ส่วนระดับน้ำของจริง คือจะมีน้ำฝน น้ำเหนือเข้ามาเติม เมื่อ 3 น้ำรวมกันจะเป็นระดับน้ำจริง ซึ่งทั้งหมดนี้ยังอยู่ต่ำกว่าฐานแนวเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยาที่กรุงเทพมหานครมีอยู่ และคาดว่าน้ำฝนในปลายเดือนพฤศจิกายนจะเริ่มน้อยลง 

สถานการณ์น้ำเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภาพที่เห็นว่ามีน้ำท่วมคือส่วนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ ส่วนในคันกั้นน้ำจะไม่ค่อยมีปัญหา ซึ่งระดับน้ำรวมกันอยู่ที่ 2.25 เมตร น้ำฐานบวกน้ำหนุนและน้ำเหนือรวมกัน ชัดเจนว่าอยู่ระดับที่ไม่ต้องกังวลแต่ต้องเฝ้าระวัง และกรุงเทพมหานครยังมีการติดตามสถานการณ์น้ำที่ปล่อยลงมาจากทางเหนืออย่างใกล้ชิด” รองผู้ว่าฯวิศณุอธิบาย 

แม่น้ำเจ้าพระยามีคลองย่อยต่างๆ เช่น คลองบางกอกน้อย คลองบางกอกใหญ่ อาจมีผักตบชวาลอยเข้าไป ทำให้เกิดปัญหาในการระบายน้ำ

สำหรับส่วนที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามมี 3 ลักษณะ คือ แนวฟันหลอ แนวที่มีเขื่อนแต่เกิดน้ำรั่วซึม และอีกหนึ่งคือช่องเปิดท่าเรือต่างๆ ที่ยังคงมีการเปิดให้บริการและทำให้มีน้ำเข้ามา 3 ลักษณะนี้ทาง กทม.มีการรองรับ โดยจุดแรกคือฟันหลอ 3 ปีที่ผ่านมา จาก 32 จุด ได้แก้ไขแล้ว 22 จุด เหลือ 10 จุด ซึ่งอยู่ในการขอพื้นที่ เพราะฟันหลอที่เหลือเป็นพื้นที่เอกชน ซึ่งกำลังไล่ทำอยู่ ส่วนที่รั่วซึม 76 จุด จากปี’65 ที่มีข้อมูลน้ำท่วม น้ำซึมผ่านเข้ามา 120 จุด ทาง กทม.แก้เกือบหมดแล้ว เหลืออีก 8 กิโลเมตรที่ยังมีรั่วซึมบ้าง ส่วนพวกช่องเปิด จะมีการเตรียมกระสอบทรายเพื่อล้อมน้ำสูบกลับเข้าแม่น้ำ 

ผักตบชวาที่จัดเก็บได้จะถูกนำไปฝังกลบที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม เนื่องจากส่วนใหญ่ลำต้นไม่สมบูรณ์ปนเปื้อนขยะมูลฝอย ไม่สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จักสานหรือทำปุ๋ยหมักได้

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สรุปว่า สถานการณ์กรุงเทพมหานครไม่น่าเป็นห่วงและสถานการณ์จะคลี่คลายขึ้น น้ำหนุนกับน้ำทะเลเริ่มลด ทำให้น้ำเขื่อนที่ระบายเพิ่มไม่มีผลกระทบ จุดที่กังวลว่าจะมีน้ำท่วม คือ 11 ชุมชนนอกคันกั้นน้ำ เช่น ชุมชนโรงสี ชุมชนท่าวัง ซึ่งการเข้าช่วยทำสะพานไม้ให้ ส่วนจุดที่มีน้ำรั่วซึม เช่น วังหลัง จะใช้วิธีการสูบสู้ เอาปั๊มไปสูบน้ำ 

“3 ปีที่ผ่านมาได้อุดจุดที่เป็นฟันหลอเกือบหมด เพราะคิดไว้แล้วว่าเป็นจุดอ่อนสำคัญ ซึ่งตัวที่ใช้อ้างอิงจะเป็นปี’54ที่สามโคก 3,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ตอนนี้แค่ประมาณ 2,400 ซึ่งปัญหาในปีนั้นไม่ใช่คันกั้นน้ำ แต่เป็นประตูน้ำที่มันพังทำให้น้ำมันโอบมาสองฝั่ง แต่ตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมให้แข็งแรงขึ้นแล้ว ถึงแม้น้ำจะใกล้เคียงกับปี’54 แต่สถานการณ์โครงสร้างต่างๆ ดีขึ้น เขื่อนของแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปี’54 ที่ 50 เซนติเมตร เท่ากับว่ามีความพร้อมในการรับมือ” ชัชชาติย้ำ 

หนึ่งในเรือจัดเก็บมูลฝอยซึ่งมีทั้งสิ้น 43 ลำในภารกิจช่วงน้ำเหนือหลาก

ตัดภาพมายังกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อ 15 พฤศจิกายน จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงเรือตรวจการจัดเก็บมูลฝอย ผักตบชวา และวัชพืชทางน้ำ ในช่วง ‘น้ำเหนือหลาก’ โดยลงเรือจากท่าเรือสำนักเทศกิจ เขตธนบุรี ถึงใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด 

จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ พร้อมด้วยผู้บริหาร กทม. ลงเรือตรวจการจัดเก็บมูลฝอย ผักตบชวา และวัชพืชทางน้ำ

ทริปนี้ เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง รองปลัดกรุงเทพ มหานคร, วรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล 

รองผู้ว่าฯจักกพันธุ์เผยข้อมูลละเอียดยิบว่า พื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่สะพานพระราม 7 ถึงสุดเขตบางนา ระยะทาง 33.25 กิโลเมตร และปากคลองบางกอกน้อยถึงปากคลองมหาสวัสดิ์ ระยะทาง 4.20 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 37.45 กิโลเมตร สำนักสิ่งแวดล้อมมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการจัดเก็บมูลฝอย ผักตบชวา และวัชพืชที่ลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีเจ้าหน้าที่รวมทั้งสิ้น 156 คน ปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. มีเรือจัดเก็บมูลฝอยทั้งหมด 43 ลำ ประกอบด้วย เรือไฟเบอร์กลาสเก็บขนมูลฝอย ขนาด 2 x 8 เมตร จำนวน 31 ลำ เรือเก็บขนขยะและวัชพืช ขนาด 4 x 14 เมตร จำนวน 2 ลำ เรือขนถ่ายและลำเลียงวัชพืช ขนาด 6 x 14 เมตร จำนวน 2 ลำ เรือขนถ่ายลำเลียงมูลฝอยและวัชพืช ขนาด 6.3 x 19 เมตร จำนวน 3 ลำ เรือกวาดเก็บมูลฝอยและวัชพืช ขนาด 3.5 x 14 เมตร จำนวน 3 ลำ เรือตรวจการณ์ จำนวน 2 ลำ 

สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ระดมเจ้าหน้าที่ 156 คน ลุยเคลียร์มูลฝอย ผักตบชวา และวัชพืชในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่เช้าจรดเย็น

สำหรับจุดขนถ่ายมูลฝอยและวัชพืช มี 2 จุด ได้แก่ บริเวณปากคลองโอ่งอ่าง สะพานพุทธ เขตพระนคร และคลังสินค้ากระทรวงพาณิชย์ เขตราษฎร์บูรณะ มีรถบรรทุกเทท้าย 7 คัน รถบรรทุกเทท้ายติดเครนพร้อมอุปกรณ์ตักคีบวัชพืช 1 คัน 

“ในช่วงน้ำหลากแม่น้ำเจ้าพระยาจะรับน้ำที่มาจากทางเหนือเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันจะมีผักตบชวาลอยตามลงมาด้วย ในปี 2568 มีปริมาณมูลฝอยและวัชพืชทางน้ำที่จัดเก็บได้ประมาณ 9.08 ตันต่อวัน ซึ่งเป็นผักตบชวาประมาณ 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% จะเป็นขยะมูลฝอยที่ลอยมากับน้ำ 

น้ำหนุนจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 7-8 ธันวาคม

จะเห็นได้ว่าผักตบชวาเป็นปัญหาสำคัญของกรุงเทพ มหานคร ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีคลองย่อยต่างๆ เช่น คลองบางกอกน้อย คลองบางกอกใหญ่ อาจมีผักตบชวาลอยเข้าไป ทำให้เกิดปัญหาในการระบายน้ำ สำหรับผักตบชวาที่จัดเก็บได้ ส่วนใหญ่ลำต้นจะไม่สมบูรณ์ มีขนาดเล็กเป็นเศษย่อย ไม่สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จักสานได้ อีกทั้งลอยปนเปื้อนมากับขยะมูลฝอย ไม่สามารถนำไปทำปุ๋ยหมักได้เช่นกันจึงต้องนำไปกำจัดโดยการฝังกลบที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม” รองผู้ว่าฯจักกพันธุ์กล่าว 

กทม.ยืนยันสถานการณ์ไม่น่าห่วง ‘น้ำหนุน’ ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

สำหรับปริมาณมูลฝอยและวัชพืชทางน้ำที่จัดเก็บได้ ระหว่างปีงบประมาณ 2565-2568 ดังนี้ 1.ปีงบประมาณ 2565 ปริมาณมูลฝอยและวัชพืช 3,146.16 ตัน คิดเป็นค่าเฉลี่ย 8.62 ตันต่อวัน 2.ปีงบประมาณ 2566 ปริมาณมูลฝอยและวัชพืช 3,113.70 ตัน คิดเป็นค่าเฉลี่ย 8.53 ตันต่อวัน 3.ปีงบประมาณ 2567 ปริมาณมูลฝอยและวัชพืช 2,993.92 ตัน คิดเป็นค่าเฉลี่ย 8.18 ตันต่อวัน 4.ปีงบประมาณ 2568 ปริมาณมูลฝอยและวัชพืช 3,312.38 ตัน คิดเป็นค่าเฉลี่ย 9.08 ตันต่อวัน

ในปี 2568 กทม.เก็บมูลฝอยและวัชพืชทางน้ำได้ถึง 9.08 ตันต่อวัน 80% เป็นผักตบชวาอีก 20% คือขยะที่ลอยมากับน้ำ

นับเป็นอีกหนึ่งภารกิจไม่ประมาท ลุยเก็บกวาดสิ่งแปลกปลอม พร้อมรับสถานการณ์น้ำให้ชาวกรุงอย่างเต็มกำลัง


ที่มาข่าว : มติชนออนไลน์ ข่าวใหม่ทันเหตุการณ์ สรุปข่าวเด่นในทุกชั่วโมง

เปิดศึกชานมไข่มุก เสือพ่นไฟ VS หมีพ่นไฟ ใครชนะ

ศึกชิงเจ้าตลาดและการละเมิดเครื่องหมายการค้ามีอยู่คู่สังคมไทยมาเนิ่นนาน เหมือนกับการเปิดร้านข้าวมันไก่หน้าปากซอย หากขายดี

ปีนี้หนาวแน่ ที่แย่คือหนาวยาว

ปี 2564 นี้ เห็นหลายคนบอกหนาวยาว เพราะจากการดูสภาพอากาศแบบมโนไปเอง มันเริ่มจะค่ำเร็วมาตั้งแต่ก่อนกลางเดือนตุลาคม 64 แล้ว

Ora Good Cat มิติใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต

สถานการณ์โควิด-19 ทำประเทศไทยย่อยยับในเกือบทุกธุรกิจ แต่ใครว่าคนไทยจะยากจนย่อยยับไปตามสถานการณ์

ท่องเที่ยวและเทคโนโลยี

เทคนิคการใช้ AI พัฒนาเว็บไซต์

ตั้งแต่โดน facebook แบนบัญชี ผมก็มีเวลาว่างเยอะ และผมใช้เวลาตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ พัฒนาเว็บไซต์นึง ด้วยการใช้ AI มาพัฒนาทั้งระบบไปด้วยกัน จนทำให้เว็บข่าวของผมติดอันดับ (โคตรโม้เลย)

โดนแบนจาก Facebook แล้วไงต่อ?

ไม่มีใครเตือนว่าการโดน Facebook แบน จะทำให้รู้สึกยังไง แต่พอเกิดขึ้นจริง มันก็เงียบกว่าที่คิดไว้เยอะ สิ่งที่จะต้องทำหลังจากนี้คืออะไร ไปต่อหรือพอแค่นี้

สาระผ่านบล็อก

เทคนิคการใช้ AI พัฒนาเว็บไซต์

ตั้งแต่โดน facebook แบนบัญชี ผมก็มีเวลาว่างเยอะ และผมใช้เวลาตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ พัฒนาเว็บไซต์นึง ด้วยการใช้ AI มาพัฒนาทั้งระบบไปด้วยกัน จนทำให้เว็บข่าวของผมติดอันดับ (โคตรโม้เลย)

โดนแบนจาก Facebook แล้วไงต่อ?

ไม่มีใครเตือนว่าการโดน Facebook แบน จะทำให้รู้สึกยังไง แต่พอเกิดขึ้นจริง มันก็เงียบกว่าที่คิดไว้เยอะ สิ่งที่จะต้องทำหลังจากนี้คืออะไร ไปต่อหรือพอแค่นี้

โดน Facebook แบน ID โดยไม่ทราบสาเหตุ

แบนแบบไม่รู้สาเหตุ แบนแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ห่วงกลุ่มที่มีสมาชิกกว่าแสนคน กับเพจที่พ่วงกับเว็บอีก 4-5 เพจ รอวันปลิว มีแจ้งให้อุทธรณ์ผ่านทางเมล์ ให้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ มีเวลา 180 วันก่อนโดนลบทิ้ง ให้ตายเหอะ