การทำ SEO ในปี 2024-2025 ถึงจะล้าสมัยแต่ใช้งานได้อยู่

ปกติเวลาจะเริ่มทำ SEO ให้กับบทความใด ๆ ซักเรื่องนึง คนทั่วไปส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีเดิม ๆ นั่นคือ

วิเคราะห์ keywords ที่ได้จากการใช้ Tools ต่าง ๆ หรือที่คนในวงการเขาเรียกว่า การทำ Keyword Research ไม่ว่าจะเป็น Google Keyword Planner, Google Trends, Ahrefs, Ubersuggest และอื่น ๆ อีกมากมาย เอาจริง ๆ ก็มีเป็นสิบเป็นร้อยแห่ง ที่จะหยิบยกเอามาใช้ด้วยความถนัดของผู้ใช้งานนั้น ๆ

เทคนิค SEO เก่าที่หลายคนยังใช้

อย่าลืมว่า พื้นฐานทั่วไปก็เหมือนกันหมดคือ หยิบ keywords จากข้อมูลที่ Tools เหล่านั้นวิเคราะห์ออกมาใช้ แล้วนำไปเขียนบทความ อาจเริ่มจากการจับกลุ่ม keywords ต่าง ๆ ที่เชื่อมโยง หรือมีเนื้อหาไปในทางเดียวกัน เข้าด้วยกัน แล้วนำไปวิเคราะห์จำนวนคนที่เข้าใช้งานอีกที ว่าคีย์ไหนเยอะมากน้อย มีลำดับความสำคัญเป็นอย่างไร จึงตัดสินใจเลือกใช้เป็นคีย์หลัก

พอเขียนเนื้อหาไปแล้วและนำเข้าสู่ระบบ รอเวลา อาจจะเดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน ระหว่างนั้นก็คอยวิเคราะห์ไปว่า คีย์หลักที่ใช้ มีการติดอันดับดีหรือไม่ ตรงตามคอนเซ็ปที่วางไว้หรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าวิเคราะห์มาดี มันก็จะเป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ก็มีบ่อย ที่มันจะเป๋ ไม่ว่าจะไปซ้ายหรือขวา สรุปคือ มันไม่เป็นไปตามหวัง

ทำ keyword หลักตัว A แต่ keyword B ดันติดอันดับ แถมติดดีกว่า คนเข้าเยอะกว่า ไหงเป็นงั้น ครั้นจะรั้น แก้ให้มันตรง พยายามงัดผู้เข้าชม ไปยัง keyword A ให้ได้ แต่ในเมื่อท้าทายระบบไม่ได้ ระบบกลับท้าทายกลับ จนเกิดอาการท้อ แล้วสุดท้ายมีบ่อยครั้งที่เซียนทั้งหลาย ลบทิ้ง เพราะไม่เป็นไปตามหวัง อาจเพราะ keyword B มันห่วย ไม่ตรงคอนเซ็ป หรือไม่ดี ฯลฯ นั่นแหละ

แต่ลืมนึกไปว่า โลกมันเปลี่ยนทุกวัน วันนี้คนอาจอยากกินทุเรียน แต่อีกวันคนอาจอยากไปกินน้อยหน่า กินกล้วย แต่ตัวเองขายทุเรียน แล้วขายไม่ออก พาลเลยลบร้านทุเรียนทิ้ง แล้วไปนั่งขายกล้วย ขายน้อยหน่าแทน เพื่อพยายามตามเทรนด์ (ที่ไม่มีวันตามทัน)

สุดท้ายก็เหนื่อยตาย เพราะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

เทคนิค SEO ใหม่ แค่นำรูปแบบเก่ามาปรับปรุง

แค่เปลี่ยนวิธีคิด ก็ไม่เหนื่อย แถมได้ประโยชน์ เทคนิคนี้ ก็เป็นเทคนิคเก่าแก่ ถึงขั้นเรียกว่า ไปขุดเอามาจากกรุเก่านานแล้ว ที่หลายคนก็รู้ แต่ลืม หรือไม่อยากทำ นั่นคือ การเปลี่ยนเนื้อหา ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

เราไม่ต้องเขียนบทความใหม่ ไม่ต้องไปวิเคราะห์คีย์ใหม่ ไม่ต้องใช้ความรู้ใด ๆ มากมาย ก็แค่เปลี่ยน ให้มันเป็นไปตามที่มันเป็น

เช่น เขียนบทความเรื่อง A แต่ติดอันดับด้วยเรื่อง B โดยในเนื้อหา A นั้นก็มีเรื่อง B อยู่ด้วยนิดหน่อย

เราก็แค่ ปรับเปลี่ยนเนื้อหา A ให้กลายเป็นเนื้อหา B แทน หรือ เพิ่มเนื้อหา B เข้าไปอีกหน่อย ให้มันรัดกุมขึ้น ทันสมัยขึ้น ตอบโจทย์ขึ้น ก็เท่านั้นเอง ไม่ต้องไปลบ ไม่ต้องไปเขียนใหม่ ไม่ต้องไปเขียนเพิ่ม เพื่อยัดเยียดให้คนหันไปใช้เนื้อหา A เพราะไม่มีประโยชน์ใด ๆ

ถนน 1 สาย เมื่อรถวิ่งผ่านมาแล้วเขาจะวิ่งไปแยกนั้นแยกนี้ ไม่จำเป็นต้องไปทำถนนให้วกวน เวียนหัว เพื่อนำรถมายังร้านเรา

เราก็แค่ ย้ายร้านเราไปยังที่เขาจอด ก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ

คิดกันไปให้ปวดหัวทำไม งง