อาถรรพ์ OnlyFans กับยางนา 100 ปี หักโค่น 14 ต้น

คุณเชื่อหรือไม่ว่ามันคืออาถรรพ์จริง จากข่าวต้นยางนาริมถนนสาย เชียงใหม่-ลำพูน ล้มทับบ้านเรือนเสียหายหลายหลังคาเรือน

รวมต้นยางนาที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ล้มหักโค่นเกือบทั้งเส้นทาง ล้มภายในคืนเดียวจำนวน 14 ต้น และทับบ้านเรือนเสียหายหนัก

ชาวบ้านบอกนี่เป็นอาถรรพ์เพราะมีไอ้บ้ากามคู่หนึ่งมาทำกิจกรรมร่วมรักกันข้างต้นยางนา เพื่อเก็บเอาคลิปไปลง OnlyFans หารายได้

OnlyFans คืออะไร

OnlyFans ก็คือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่เปิดให้ผู้คนได้มาสร้างคอนเทนต์ของตัวเองคล้ายกับ youtube ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือคลิปวิดีโอ แล้วอัพโหลดขึ้นบนแพลตฟอร์มให้คนเข้าไปดู แต่คนที่จะเข้าไปดูนั้นต้องเสียเงินค่าสมาชิก ทำให้แพลตฟอร์มนี้มีแต่ภาพลับต่างๆ มากมายสำหรับขาหื่น และทำรายได้ให้แก่ครีเอเตอร์เจ้าของช่องมากมาย

ต้นยางนา ริมถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน

ต้นยางนาถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน เริ่มปลูกครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2425 โดยมหาอำมาตย์โท เจ้าพระยาสุรสีห์ วิสิษฐ์ศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพตั้งแต่บริเวณเชิงสะพานนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไปจนจรดเขตจังหวัดลำพูน ต่อมาในปี พ.ศ. 2455 ราชการได้นำต้นยางนามาให้ราษฎรช่วยกันปลูกเพิ่มเพื่อความร่มรื่น สวยงามตลอดสองข้างทางในเขตจังหวัดเชียงใหม่ และปลูกต้นขี้เหล็กในเขตจังหวัดลำพูน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของถนนสายนี้จวบจนถึงปัจจุบัน

อะไรคือสาเหตุทำให้ยางนา หักโค่นพร้อมกัน

หักโค่นปกติซักต้นสองต้น อาจไม่มีใครสงสัย แต่หักโค่นพร้อมกันมากถึง 14 ต้นในคราวเดียวมันเกินวิสัยความปกติ แม้พายุจะสามารถทำได้ แต่ขนาดถอนรากถอนโคนไม้ใหญ่ขนาด 2-3 คนโอบได้นี่ ไม่ธรรมดา ถ้าพายุทำได้ขนาดนี้ บ้านเรือนไม่น่าจะเหลือ แต่ไม่ยักกะเป็นอย่างนั้น รวมไปถึงบริเวณนั้นก็ปลูกบ้านเรือนกันมาก พอต้นไม้ใหญ่หักโค่น ก็อย่างที่เห็น

ชาวบ้านหาสาเหตุ แล้วก็ไปเจอคลิปเสียวใน OnlyFans เลยเป็นตุเป็นตะไปว่านี่แหละ ทำให้เกิดอาถรรพ์ เพราะต้นยางนาบวชแล้วทุกต้น ไม่ควรจะมีใครมาลบหลู่ดูหมิ่น พอเกิดเรื่องขึ้นก็ทำให้เจ้าที่เจ้าทางโกรธเคือง สร้างพายุมาพัดต้นยางนาให้หักโค่นไปทับบ้านเรือนเสียหาย ภัยพิบัติแบบนี้ไม่ธรรมดา ถ้าไม่ใช่อาถรรพ์เจ้าพ่อเจ้าแม่ยางนาอายุร้อยกว่าปีแล้วจะเป็นอะไรไปได้

ไม่มีใครสังเกตุเลยว่า ต้นยางนาที่ล้ม รากกุดทุกต้น

ต้นไม้ใหญ่ รากเน่า ลมพัดเบาๆ มันก็โค่น

แล้วอะไรที่ทำให้รากมันเน่าอ่ะ

ดูเองเอาสิ