เหยื่อบริษัทขายตรง ดาราดัง แจ้งความแล้ว แฉเป็นแชร์ลูกโซ่ ลวงอบรมออนไลน์ ให้ซื้อสินค้า
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ตุลาคม ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม พาตัวแทนผู้เสียหายกว่า 20 คน จาก 500 คน เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. หลังมีการลงทุนเปิดบิลกับบริษัทเครือข่ายชื่อดังที่มีดาราเป็นผู้บริหาร ของขายไม่ออกแต่ต้องหาลูกทีมเพิ่มลักษณะคล้ายลูกโซ่ ซ้ำถูกให้เซ็นเอกสารปิดปากห้ามแจ้งความ
นางเอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเริ่มจากการเห็นตามโฆษณาทางทีวีหรือผ่านโซเชียล ว่าบริษัทดังกล่าวมีการเปิดสอนการทำธุรกิจออนไลน์ฟรี 50 -100 ท่านแรก หรือว่าค่าเรียน 98-99 บาท เมื่อตนสนใจลงเรียนจึงสมัคร โดยในวันที่ 3 ของการเรียนจะมีระดับแม่ทีมลงมาสอนและแนะนำให้ทำธุรกิจอ้างว่าสร้างรายรายได้อีกกระเป๋า เสียค่าสมัครเพื่อร่วมธุรกิจ 2,500 บาท
โดยจะได้สินค้า และมีระบบหลังบ้านให้ทั้งหมด จากนั้นจะมีแม่ทีมนัดมาเรียนที่โรงเรียน และมีการชักจูงให้อัพเลเวลโดยต้องเพิ่มเงิน 25,000 บาท เมื่ออัพเลเวลแล้วก็จะมีการชักชวนหว่านล้อมเพิ่มให้จ่ายเพิ่ม 250,000 บาท เพื่อที่จะได้เป็นแม่ทีมรายใหญ่หรือดีลเลอร์ โดยอ้างว่าจะได้กำไรมากขึ้น ต้นทุนต่ำลง และจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการจัดงานอีเว้นท์นำดาราชื่อดังมาสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ร่วมลงทุน จนทำให้ตนเกิดความมั่นใจจึงตัดสินใจร่วมลงทุน กระทั่งตนขายสินค้าไม่ออก และมีการแนะนำให้ตนหาลูกทีมมาเพิ่มเพื่อกระจายสินค้า และอ้างว่าหากหาได้ 5 คน จะได้เป็นระดับโปรดีลเลอร์อัพเกรดตัวเอง จึงเริ่มรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่การขายปลีก แต่เป็นในลักษณะการแชร์ลูกโซ่ โดยทุกครั้งที่ชักชวนจะมีการกล่าวอ้างว่า
และแม้ตนจะเป็นระดับดีลเลอร์ แต่ก็ต้องยิงแอดหานักเรียนเอง รวมแล้วค่าเสียหายของตนเป็นเงินประมานกว่า 2 แสนบาท
นายบี (นามสมมติ) อีกหนึ่งผู้เสียหาย กล่าวว่า ตน เคยตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตาย เนื่องจากตนได้ลงทุนไปกว่า 200,000 บาท ตอนนี้เครียดมากเนื่องจากมีการกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน แต่สินค้าที่นำมาสต๊อกกลับขายไม่ได้ ขณะนี้สินค้ากองอยู่ที่บ้านจนหมดอายุ ซึ่งตัวบอสใหญ่มักใช้วลีชักจูงให้ ให้คนหลงเชื่อ
ขณะที่ นายรภัสสิทธิ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้พาผู้ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 20 คน จาก 500 คนในกลุ่มที่รวบรวมได้ จากการเข้าไปร่วมธุรกิจกับบริษัทนี้ เข้ามาให้ข้อมูลกับทางตำรวจในประเด็นที่เกิดขึ้น ว่าเหตุใดธุรกิจขายตรงเครือข่ายถึงทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก และในส่วนของเรื่องกฎหมายก็ต้องตำรวจตรวจสอบว่าบริษัทนี้ จะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ผิดในเรื่องของแชร์ลูกโซ่หรือไม่ตามพรก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคหรือไม่ที่มีการโฆษณาเกินจริงหรือเป็นเท็จ และผิดเพราะขายตรงและการตลาดแบบตรงหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของพ.ร.บ.คอมฯ ร่วมด้วยหรือไม่
ทั้งนี้มีผู้เสียหายบางส่วนเคยมาแจ้งความไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินคดี เพราะผู้เสียหายบางส่วนได้มีการไปขอความช่วยเหลือกับบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่มีการไปตกลงกับทางบริษัทดังกล่าวว่า จะจ่ายเงินคืนผู้เสียหาย 50% และต้องให้ผู้เสียหายเซ็นเอกสารสัญญาเพื่อปิดปากไม่ให้แจ้งความ อย่างไรก็ตามอยากเรียนผู้เสียหายว่าคดีนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน แม้จะมีบันทึกข้อตกลงยอมความ ก็ไม่สามารถยอมความได้ ดังนั้นไม่ต้องกลัวให้เข้าแจ้งความได้เลย
ที่มาข่าว : มติชนออนไลน์