แลกเปลี่ยนข่าวสาร ไอเดียเขียนบทความ

การรับเบี้ยผู้สูงอา...
 
Notifications
Clear all

การรับเบี้ยผู้สูงอายุล่าสุด ตามหลักเกณฑ์ใหม่

1 Posts
1 Users
0 Likes
63 Views
Posts: 21
Admin
Topic starter
(@admin)
Trusted Member
Joined: 10 years ago

เปิดหลักเกณฑ์ใหม่ เบี้ยผู้สูงอายุ ใครได้รับสิทธิ ใครไม่ได้บ้าง หากเทียบคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิทั้งฉบับก่อนหน้า-ฉบับใหม่ เปลี่ยนไปอย่างไร ใครรับสิทธิได้ ใครรับสิทธิไม่ได้

เบี้ยผู้สูงอายุยังเป็นเรื่องราวที่เป็นที่ถกเถียงของสังคมไทยอย่างต่อเนี่อง จากการออกระเบียบฉบับใหม่ของกระทรวงมหาดไทย ที่กำหนดคุณสมบัติล่าสุดของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยการกำหนดคุณสมบัติใหม่ในครั้งนี้เป็นที่สนใจของสังคมไทยถึงสวัสดิการเบี้ยผู้สูงอายุว่าจะมีหลักเกณฑ์การจ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมขนาดไหน

หลักเกณฑ์ รวมถึงคุณสมบัติผู้ที่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ แบบเดิม VS แบบใหม่

หลักเกณฑ์เดิม ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ เมื่อปี 2552 ระบุว่า "ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฯ"

เบี้ยผู้สูงอายุ แบบเก่า

อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็ความหมาย ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หากไม่ได้รับเบี้ยหวัดบำเหน็จ บำนาญ สามารถรับสิทธิเบี้ยผู้สูงอายุได้ เพียงยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบเกณฑ์ตามเงื่อนไขข้างต้น หากตรงตามหลักเกณฑ์ก็รับเงินได้เลย

หลักเกณฑ์ใหม่ ที่ประกาศล่าสุด เมื่อ 12 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ระบุว่าต้องเป็น "ผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ แก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด"

เบี้ยผู้สูงอายุ แบบใหม่

ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่นี้ จะเปลี่ยนไปจากการที่ให้สิทธิทุกคนที่ไม่ได้รับเบี้ยบำเหน็จ บำนาญของข้าราชการ มาเป็น การให้สิทธิเฉพาะผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ ตามคุณสมบัติที่คณะกรรมการกำหนดไว้

หากดูรายละเอียดของระเบียบฉบับล่าสุดนั้น แม้ว่าจะมีการระบุบทเฉพาะกาลไว้ว่า หากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ยังไม่มีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจน ให้ใช้ระเบียบการเบิกจ่ายฉบับเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจน

คำถามใหญ่ที่ยังเป็นที่สงสัยต่อของสังคมจะเป็นดังเช่น อะไรหมายความสิ่งที่จะบ่งบอกว่าผู้ได้รับสิทธินั้นมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่งเรื่องนี้ยังคงต้องรอความชัดเจนของคณะกรรมการผู้สูงแห่งชาติ รวมถึงรัฐบาลใหม่ในการกำหนดความชัดเจนนี้ให้เกิดขึ้น

ระเบียบใหม่ ยกเลิกสิทธิได้ แต่ไม่เรียกเงินคืน

อีกหนึ่งข้อสำคัญที่เพิ่มเข้ามาใหม่หมายความว่า รายละเอียดกรณีการสิ้นสุดการได้รับเบี้ยยังชีพ กรณีพบว่าไม่มีสิทธิรับ โดยระบุว่า "หากผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยความสุจริต ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนรายงานผู้บริหารท้องถิ่นทราบ เพื่อระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป โดยยกเว้นการเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน"

นั่นก็หมายความว่า หากได้รับสิทธิแล้ว รวมถึงตรวจสอบภายหลังว่าไม่มีสิทธิรับ จะไม่ได้รับเงินดังกล่าวอีกต่อไป แต่เบี้ยผู้สูงอายุที่ได้รับไปก่อนหน้านี้ หากได้รับโดยสุจริต ไม่มีการทุจริตใด ๆ ก็จะไม่ถูกเรียกคืน

การลงทะเบียนรับสิทธิ เบี้ยผู้สูงอายุ ทำเช่นไร

คุณสมบัติหลัก 3 ข้อพื้นฐาน สำหรับผู้ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ มีดังนี้

  1. มีสัญชาติไทย
  2. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  3. มีอายุ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีบริบูรณ์สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ของปีนั้น บวกกับเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีถัดไป ก็จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนตุลาคมในปีนั้น ๆ โดยสามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเองได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.ของทุกปี แต่ถ้าหากลงทะเบียนช้า หรือรอลงทะเบียนเมื่อครบ 60 ปีบริบูรณ์ ก็จะได้รับเงินในปีถัดไป

ทั้งนี้ ผู้สูงอายุสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมของทุกปีเป็นต้นไป โดยจะต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน-1 ตุลาคมของปีนั้น ๆ จึงจะลงทะเบียนล่วงหน้าได้ โดยเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพถัดจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปี นั่นก็ความหมายเดือนตุลาคมปีนั้น ซึ่งก็หมายความอายุครบ 60 ปีเต็มในเดือนตุลาคม 2565

อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่เคยลงทะเบียน ต้องทำเช่นไร

สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่เดือน มกราคม-กันยายน 2566 จะมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป (ปีงบประมาณ 2567) โดยเตรียมหลักฐานเพื่อลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ดังนี้

1.กรณีลงทะเบียนด้วยตนเอง

  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
  3. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก (ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด

2.กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถไปลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มคือ

  1. หนังสือมอบอำนาจ (ยื่นแบบฟอร์มให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)
  2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด
  3. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด

เรียบเรียงใหม่จากเนื้อหาเรื่อง : และอย่าพลาดเรื่องราวใหม่ ๆ จากที่นี่ ที่เดียว

บริการ Guest Post กับเรา ฟอรั่มคนเขียนบล็อก

ไอเดียเขียนบทความแบบข่าวเด่น

เล่าความผ่านเว็บ

แจ้งเบาะแสโปรโมทเว็บพนันออนไลน์ ได้อะไร

ช่องทางแจ้งเบาะแสโปรโมทเว็บพนันออนไลน์ มีแต่คนอยากแจ้ง แต่หาช่องทางที่จะแจ้งไม่เจอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เว็บพนันถึงเต็มไปหมด แต่เรามีวิธีติดต่อ

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

เทคโนโลยี

ร่วมประกวดนวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน ปี 2566

อินโดรามา เวนเจอร์ส สนับสนุนเยาวชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมประกวดนวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน ปี 2566

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

เล่าความผ่านเว็บ

เทคนิคการเขียนบล็อกข่าวให้น่าสนใจ

ตามปกติการเขียนบล็อก เราอาจหาเรื่องราวมานำเสนอได้แบบเจาะจง แต่การเขียนบล็อกข่าวไม่เหมือนกัน

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

แนะนำการลงทุน

วิธีแทงบอลสเต็ป เว็บสายตรงที่เห็นแล้วต้องอึ้ง

ผมชอบวิธีนี้ ดูมันมีความน่าเชื่อถือหน่อย ๆ ที่มันออกมาจากเว็บราชการนี่แหละ ฮาฮ่า

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

เล่าความผ่านเว็บ

แนวโน้มและโอกาสในเศรษฐกิจผู้สูงวัย หรือเศรษฐกิจสีเงิน

เศรษฐกิจสีเงิน หรือ เศรษฐกิจสูงวัย เป็นกลุ่มที่น่าจับตาในแวดวงธุรกิจ จากการที่สัดส่วนผู้สูงอายุได้เพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้

แนะนำการลงทุน

ทำอย่างไรให้ธุรกิจเดินหน้า ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย

การทำให้ธุรกิจเดินหน้า และย้ำความมุ่งมั่นต่อการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง จะช่วยส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตได้

กดเพื่ออ่านเรื่องนี้